มรดกโลก「เทนไดชู เบคคะคุฮงซัง โมซือจิ」

menu

閉じる

ซากโบราณทีเกี่ยวข้อง

ซากวัดคันจิไซโออิง

ซากวัดคันจิไซโออิงที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นซากโบราณสถานพิเศษของญี่ปุ่นนั้น กล่าวว่าได้ถูกสร้างขึ้นโดยภรรยาของฟูจิวาระรุ่นที่สองโมโตะฮิระ โดยคันจิไซโออิงนี้ เป็นวิหารพระอมิดา และมีการแบ่งเป็นวิหารอมิดาใหญ่ และวิหารอมิดาเล็ก วิหารอมิดาใหญ่จะประดิษฐานพระพุทธรูปสามองค์ คือ พระอมิดาเนียวไร เจ้าแม่กวนอิม และพระเซชิโบซะทสึ และฝาผนังทั้งสี่ด้านภายในวิหารมีภายวาดสถานที่มีชื่อเสียงของเมืองลกเอี๊ยงในประเทศจีน แท่นบูชาพระเป็นเงิน และรั้วของระเบียงรอบวิหารทำด้วยทองคำ จนได้รับคำกล่าวว่า วิจิตรสวยงามสมกับที่เป็นวิหารพระพุทธพิเศษสำหรับสตรีเสียจริง และจากการสำรวจขุดค้นพบว่า ซากวัดคันจิไซโออิงนั้นรอบด้านจากตะวันออกไปยังตะวันตกยาวราว 120เมตร และจากเหนือจรดใต้ยาวราว 240เมตร เป็นรูปแบบการสร้างที่เป็นแนวยาวแบบเหนือจรดใต้ เมื่อเข้าไปจากประตูทิศใต้ ทางด้านเหนือ จะมีบึงน้ำ “ไมซุรุงะอิเกะ” ที่ยังคงเหลือมาจนปัจจุบัน โดยบึงน้ำนี้ทั้งจากตะวันตกไปตะวันออก และเหนือจรดใต้นั้นมีความยาวเท่านกันราว 90เมตร คล้ายรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กลางบึงน้ำค่อนมาทางใต้จะมีเกาะกลางน้ำ และทางขอบฝั่งตะวันตกของบึงจะมีกลุ่มหินในรูปแบบคลื่นแรงกระทบฝั่ง (อะริโซะ) และจากจุดนี้จะมีน้ำไหลออกตกลงมาคล้ายน้ำตก และด้วยคุณลักษณะเช่นนี้ของบึงไมซุรุงะอิเกะ จึงได้รับการกล่าวว่าสร้างตามรูปแบบของ “ตำราจัดสวนซากุเทกิ” ในสมัยเฮอัน ถึงแม้จะเป็นบึงน้ำเล็ก ๆ แต่ทว่าเคยได้รับการขนานนามว่าเป็นสวนโจวโด (สุขาวดี) อันดับสุดยอดที่สุดในสมัยเฮอันเลยทีเดียว

วัดคันจิไซโออิงนั้นถูกเผาวอดวายในสมัยสงครามเมื่อปีแรกของรัชสมัยเทนโช (1573) สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในปัจจุบันนั้นได้ถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อแทนแซกวิหารอมิดาใหญ่ ในราวรัชสมัยเคียวโฮ (ราวปี 1716-1735) และโครงสร้างของสวนโจวโด(สุขาวดี)ที่มีบึงน้ำไมซุรุงะอิเกะเป็นศูนย์กลางนั้น ก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในสภาพเกือบสมบุรณ์ จึงทำให้ได้รับการจัดให้เป็นสวนศึกษาโบราณสถานในปัจจุบัน

ซากวัดมุเรียวโคอิง

วัดมุเรียวโคอิงได้รับการควบคุมการก่อสร้างโดยฟุจิวาระรุ่นที่3ฮิเดะฮิระ โดยถ้าอ้างอิงตาม “บันทึกประวัติศาสตร์อะซึมะคางามิ” แล้ว จะได้ชื่อว่าเป็น วิหารนีมิโด ซึ่งวิหารนีมิโดมีความหมายว่าเป็นวัดใหม่ที่สร้างขึ้นแก่วัดโมซือจิ หรือก็คือเป็นวัดในเครือของวัดโมซือจินั่นเอง ภายในตัววิหารที่ประตูของผนังทั้งสี่ด้านจะมีการเขียนแก่นแท้ของพุทธศาสนานิกายมหายาน และมีรูปการล่าสัตว์ที่ฮิเดะฮิระวาดขึ้นเองอยู่ด้วย ส่วนของพระประธาน มีพระอมิดาขนาด โจโระกุ (ราว4.85เมตร) และยังมีเจดีย์สามชั้นอยู่ภายในบริเวณวัด การตกแต่งภายในวัด ทิศการหันของอาคารต่าง ๆ แม้กระทั่งรูปทรงของพื้นที่ กล่าวว่าได้มีต้นแบบทั้งหมดมาจากวัดเบียวโดอิงในเกียวโต ซึ่งการเรียงพื้นด้วยอิฐหน้าวิหารจูโด รวมถึงบึงน้ำที่มีเกาะกลางน้ำอยู่นั้น ไม่มีให้เห็นที่วัดเบียงโดอิง จากการสำรวจขุดค้นพบว่า บริเวณรอบด้านทั้งสี่ของวัดนี้ จากตะวันออกไปยังตะวันตกยาว 240เมตร และจากเหนือจรดใต้ยาว 270เมตร มีพื้นที่ราว ๆ 6.5 เฮกเตอร์ (1 เฮกเตอร์เท่ากับ 10,000ตารางเมตร) ทำให้ทราบว่าใหญ่กว่าวัดโมซือจิถึงหนึ่งเท่าตัว และได้ยืมรูปแบบทิวทัศน์ของอุจิมา โดยบึงเนโกะมะงะฟุจิของฮิระอิซูมิเปรียบเสมือนเป็นแม่น้ำอุจิ เขาทาบะชิเนะเปรียบเสมือนเป็นเขาอาซาฮิของเมืองอุจิ ส่วนของสวนนั้นได้สร้างเป็นรูปแบบเดียวกับกับทั้งวัดโมซือจิ หรือวัดคันจิไซโออิง คือเป็นรูปแบบมาตรฐานของสวนโจวโด (สุขาวดี) ซึ่งสวนของที่นี่จะมีพื้นหลังเป็นเขาคิงเก ประกอบกับตัววัดที่งดงาม และหันไปทางทิศตะวันออก ทำให้จินตนาการความงดงามของที่นี่ในสมัยที่ยังสมบูรณ์ได้เป็นอย่างดี

ทากาดาจิ กิเกโด

ทากาดาจิตั้งอยู่ที่เนินเขาที่สามารถมองชมแม่น้ำคิตะกามิได้ โดยตั้งอยู่ริมทางถนนหลวงสายเก่าที่ผ่านซากวัดมุเรียวโคอิง เพื่อจะไปออกวัดจูซนจิ ทากาดาจิ ในอีกชื่อว่า ฮันงันดาจินั้น นับว่าเป็นที่ที่มีทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในเมืองฮิระอิซูมิ ความสูงราว 66เมตร ความยาวราว 530เมตร ความกว้างราว 200 เมตรของเนินเขาเดี่ยวๆ ที่ทอดยาวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนั้น ทางทิศเหนือไปจะเป็นย่านนาข้าวที่เป็นจุดรวมกันของแม่น้ำคิตะกามิ และแม่น้ำโคโมโระ ทางทิศตะวันตกเป็นหน้าผาชัน เมื่อทอดสายตาลงไป จะเห็นสายน้ำของแม่น้ำคิตะกามิ และผาด้านฝั่งตรงข้ามจะมองเห็นภูเขาทาบะชิเนะ ซากทากาดาจิที่อยู่บนยอดนั้นเป็นสถานที่ที่โยชิทสึเนะทำการสังหารตัวเองในปีเทนวะที่ 3 (1683) และมีวิหารกิเกโดที่เจ้าเมืองเซนไดรุ่นที่สี่ ดาเตะ ทสึนามุระเป็นคนก่อสร้างขึ้นอยู่ วิหารในปัจจุบันเป็นวิหารที่สร้างขึ้นใหม่ในปีบุงกะที่ 5 (1808) แต่รูปจำลองโยชิทสึเนะในชุดเกราะที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารเชื่อว่าเป็นปฏิมากรรมที่สร้างขึ้นช่วยสมัยปีโฮเรกิ(1751-1763)สำหรับลักษณะพิเศษของรูปจำลองคือ ส่วนหัวและส่วนของหมวกนั้นทำขึ้นมาคนละชิ้นกัน และมีส่วนของจุกผม (โมโตโดริ) ติดอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของบนชุดเกราะที่โยชิทสึเนะใส่ มีส่วนที่แกะทำเป็นลักษณะของผ้าคลุมอยู่อีกด้วย นอกจากนั้นในปีโชวะที่ 61ซึ่งเป็นปีที่ระลึกถึงฟุจิวาระ โนะ ฮิเดะฮิระ, มินาโมโตะ โนะ โนชิทสึเนะ และมุซาชิโบ เบนเค ในรอบ 800 ปีนั้น ยังมีการสร้างเสาบูชา ที่เรียกว่า โฮคิโยะอิงโตถวายแก่มินาโมโตะโนะโยชิทสึเนะอีกด้วย

สามารถเข้าเวบไซด์ของทากาดาจิ กิเกโดได้ที่นี่