มรดกโลก「เทนไดชู เบคคะคุฮงซัง โมซือจิ」

menu

閉じる

แนะนำบริเวณโดยรอบ

สวนโจวโด

สวนโจวโดเป็น สวนที่สร้างขึ้นโดยมีทั้งส่วนของศาลาวัด และสวนที่มีสระน้ำ อยู่รวมกัน
วัดโมซือจินั้น ทางด้านเหนือ มองเห็นภูเขาขนาดเล็กเรียกว่า โทซัง ซึ่งจะแสดงเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของสวนและสระน้ำที่กว้างขวาง
สระน้ำของโออิซูมิ เป็นน้ำที่ใสสะอาด บริเวณรอบๆมี หาดทราย มีการตั้งประดับด้วย อะไรอิโซะฟู(หินที่เกิดจากน้ำเซาะ) และหินที่เกิดจากคลื่นพัด
มีภูเขาจำลองของสวนหินเรียงแบบคาเระซังซุย และมีสระน้ำที่มีการจัดสวนน้ำไหล ทำให้มีทิวทัศน์ดูเป็นธรรมชาติ
เป็นสวนสำคัญที่ว่ากันว่า มีการออกแบบและเทคนิคในการจัดสวนที่ถูกบันทึกอยู่ในการจัดสวน ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
ถึงปัจจุบันมีอายุมากกว่า 800 ปี ทิวทัศน์ของต้นไม้ห้อมล้อม อยู่รอบบริเวณ ทำให้มองเห็นความสวยงามเหมือนกัน

ซากรินจิกะรันอะโตะ(ซากโบราณสถาน)

บริเวณภายใน มีซากศาลากะรันของสมัยเฮอันให้ระลึกถึง และมีซากของโครงสร้างหินต่างๆ คงเหลืออยู่มากมาย
นอกจากนี้ สระโออิซูมิซึ่งเป็นศูนย์กลางของสวนแล้ว ยังคงสภาพของสวนที่จัดขึ้นอย่างสวยงามของสมัยเฮอันอีกด้วย
เป็นสวนที่สำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ซึ่งมีการศึกษาค้นคว้า เพื่อฟื้นฟูให้กลับมาใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด

บริเวณด้านในโดยรอบ

บนภาพถ่ายจะมีตัวอักษร เมื่อคลิ๊กจะสามารถชมคำอธิบายอย่างละเอียดได้

【โจวเกียวโด   และซากศาลาโฮะเกะทซึ】<br>เนินดินทางทิศตะวันตกถูกว่ากันว่าเป็นซากของศาลาโฮะเกะทซึ กินบริเวณประมาณ 40 ชะกุ (1 ชะกุ ประมาณ 30 เซนติเมตร) ศาลาคายาบุกิ(หลังคาทำจากฟางข้าว)ทางทิศใต้จะมีโจวเกียวโด ซึ่งอาคารนี้ถูกสร้างในสมัยเคียวโฮ เชื่อกันว่าหลังจากก่อสร้างตำแหน่งเดียวกัน แต่หลังจากมีการศึกษาค้นคว้าก็ทำให้ทราบว่าตำแหน่งของซากโบราณของอาคารโจวเกียวโดนั้น ตั้งอยู่คนละที่กับที่ตั้งในปัจจุบัน ตอนนี้ซากโบราณที่เรียกว่าโจวเกียวโดนั้น เป็นเนินดินขนาดประมาณ 30 ชะกุของทางด้านใต้ของซากศาลาโฮะเกะทซึ  ตอนที่มีการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์นั้นสภาพของซากโบราณนั้นแย่มาก แทบจะไม่เหลือแม้กระทั่งหิน ซากโบราณของศาลาโฮะเกะทซึนั้นเป็นส่วนวัด ที่มีบริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เนินดินกว้างทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 ชะกุ บนเนินดินคงเหลือหินโครงสร้างอยู่ 23 ก้อน เชื่อว่าขนาดบริเวณรอบๆ หินโครงสร้างนั้นสูงถึง 1.5 ชะกุ 
จากการค้นคว้าพบว่ามีทางเดินเชื่อมต่อระหว่างศาลาโฮะเกะทซึกับโจวเกียวโด ทำให้คิดว่าการก่อสร้างได้มีการวางแผนให้สอดคล้องกันทั้งหมด 【ซากคนโดเอนริวจิ】<br>เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยใช้สมบัติมากมายเพื่อโมะโตะฮิระซึ่งเป็นผู้นำของสมัยนั้น โดยศาลาหลัก มีพระพุทธรูปยาคุชิเนียะไรแบบอุนเค ขนาด1โจว6ชะกุ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัดโมซือจิ มีการออกแบบให้ ปีกของศาลาทิศตะวันออกและทิศตะวันตกยื่นออก พับทางทิศใต้ สุดทางเดินทิศตะวันออกมีหอระฆัง และสุดทางเดินทิศตะวันตกมีหอพระไตรปิฏก 
ฐานรากของอาคารนั้นทำมาจากหิน หอพระไตรปิฏกนั้นเป็นอาคารที่เก็บพระธรรม คัมภีร์ต่างๆ สุดทางเดินทิศใต้ของคนโดนั้น เพื่อความสมมาตรได้มีการสร้างหอระฆังไว้ 【ซากหอระฆัง】<br>เป็นอาคารที่อยู่ต่อทางด้านใต้ของระเบียงตะวันออกของคนโด  รางน้ำฝนจะวนอยู่รอบฐาน ทำเพื่อให้น้ำฝนไหลตกลงไปยังบึงน้ำ 【กลุ่มหินเดจิมะ และหินตั้งกลางบึง】<br>กลุ่มหินเดจิมะที่สร้างในรูปแบบคลื่นแรงกระทบฝั่ง (อะริโซะ) ซี่งอยู่บริเวณฝริมตะวันออกเฉียงใต้ของบึงน้ำโออิซูมิแห่งโมซึจินั้น นับว่าเป็นทัศนียภาพที่สวยที่สุดจุดหนึ่งในสวนทั้งหมด  กลุ่มหินที่พุ่งออกไปจากริมบึงไปในบึง จนถึงส่วนปลายที่เป็นเกาะลอย มีหินเรียงรายกันราว 2 เมตร นับเป็นสัญญลักษณ์ของสวนที่รวมความเป็นทัศนียภาพของบึงในองค์รวม 【สวนดอกไอริส (ฮานะโชบุ)】<br>ราวกลางเดือนมิถุนายน ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ดอกไอริส (ฮานะโชบุ) กว่า3หมื่นต้น 300สายพันธุ์จะผลิบาน สายพันธุ์โมซือจิอายาเมะเป็นพันธุ์ที่ได้เริ่มปลูกขึ้นที่หน้าไคซังโดในปีโชวะที่ 28 (1953) โดยแรงสนับสนุนของชาวเมืองฮิระอิซูมิ จนในปีต่อมาได้ขอรับมาจากศาลเจ้าเมจิ ในกรุงโตเกียวอีก 100 สายพันธุ์ 100 ต้น หลังจากนั้นได้มีการเพิ่มจำนวนต้น และสายพันธุ์ขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันได้มีการจัดเป็นเทศกาลโมซือจิอายาเมะขึ้น และในช่วงเทศกาลยังมีกิจกรรมต่างๆ อื่นๆ เช่น การแสดงการร่ายรำประจำวัด “เอเนง โนะ ไม” รวมถึง การแข่งขันวาดรูปของเด็กๆ  และการแสดงการเล่นเครื่องดนตรี เป็นต้น 【ซากประตูใหญ่ทิศใต้ (นันไดมง)】<br>มีต้นแบบจาก “ประตูใหญ่หน้าวัดแบบสองชั้น” ใน “บันทึกประวัติศาสตร์อะซึมะคางามิ” โดยมีความยาว (ตะวันออกไปตะวันตก) 3 มะ (หน่วย1มะมีความยาวราว 3.1เมตร) และความกว้าง (เหนือไปใต้) 2 มะ ในรูปแบบราบเรียบ ในปัจจุบันยังคงมีฐานเสาหินเรียงกันให้เห็น ในการสร้างฐาน จะใช้วิธีการใช้แผ่นไม้กั้นเป็นกรอบฐานในบริเวณรอบ (ฮันจิกุ) ซึ่งวิธีการนี้ญี่ปุ่นได้รับมาจากจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อใช้ในการสร้างรากฐาน ก่อแท่นดิน หรือก่อกำแพง แต่การค้นพบเสาที่เอาไว้เป็นที่ยึดแผ่นไม้กั้นนั้น ซากนันไดมง และซากวิหารโคโดนั้นเป็นที่แรก  
ต่อจากฝั่งด้านตะวันออกของนันไดมง (หันทางใต้) มีการค้นพบว่ามีการสร้างกำแพง, ขอบทางเล็กๆ (อินุบาชิริ) และร่องน้ำด้วย โดยกำแพงนั้นฐานมีความกว้างมากกว่า 10 ชะกุ (หน่วย 1ชะกุมีความยาว 30.3เซนติเมตร) และขอบทางเล็กๆ นอกกำแพง (ทางใต้) คาดว่ามีความกว้างกว่า 8ชะกุ นอกจากนั้นร่องน้ำนอกขอบเทางเล็กๆ นั้น มีความกว้างประมาณ 6ชะกุ ในกรณีกำแพงสูงขนาดราวๆ 1 โจ (ประมาณ 3 เมตร) แบบนี้ จึงแทบจะเรียกได้ว่าเป็นแท่นดินเลยทีเดียว ซึ่งกำแพง ขอบเล็กๆ ร่องน้ำ ถ้าทั้งสามองค์ประกอบนี้ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกันนั้น นับว่าเป็นการสร้างที่ยิ่งใหญ่ และสมบูรณ์ตามแบบแผนเองงิชิกิในสมัยเฮอัน ที่มีลักษณะเหมือนกับกำแพงโดยรอบของเฮอันเคียว หรือกำแพงทั้งสองฟากฝั่งของโอโบจิ (ทางหลักใหญ่สำคัญในนาระในสมัยก่อน) หรือจะเป็นของวัดอาสึกะ วัดชิเทนโนจิ หรือวัดยากุชิจิเป็นต้น ที่ถูกค้นพบขึ้นมาเช่นเดียวกัน ก็ยังไม่สามารถจะเทียบเท่าความสมบูรณ์แบบทั้งสามองค์ประกอบของ กำแพง ขอบทางเล็กๆ และร่องน้ำเหมือนอย่างของวัดโมซือจิได้เลย จึงถือว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญของวัดโมซือจิแห่งนี้ 【บึงน้ำโออิซูมิ】<br>บึงน้ำโออิซูมิ เป็นใจกลางของสวน ที่เฉิดฉายงดงามในทั้งสี่ฤดู บึงน้ำนี้มีขนาดจากตะวันตกไปตะวันออกยาว 180เมตร เหนือจรดใต้ราว 90เมตร ได้สืบทอดรูปร่างของบึงมายาวนานมาตั้งแต่สมัยสร้างสวนในครั้งแรก ในช่วงใจกลางของบึงมีเกาะกลางน้ำ (นากะชิมะ) รูปร่างเป็นทรงหินมางะทามะ ขนาดจากตะวันตกไปตะวันออกราว 70เมตร และจากเหนือจรดใต้ 30เมตร รอบๆบึง รวมถึงเกาะกลางน้ำจะถูกปูไปด้วยหินกรวดทั้งหมด และจากที่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรจากในสมัยอดีตนั้นจากประตูนันไดมง จนถึงเกาะกลางน้ำ (นากะชิมะ)ตอนใต้ จะมีสะพานโค้งขนาด 17มะ (หน่วย1มะมีความยาวราว 3.1เมตร) ทอดผ่าน และจากวิหารคนโด จนถึงเกาะกลางน้ำตอนเหนือจะมีสะพานทอดผ่านยาว 10มะ ซึ่งหินรองมุมทั้งสี่ของสะพาน หรือหมุดของสะพานโค้งในด้านทิศใต้ ยังคงหลงเหลือไว้ให้เห็น นอกจากนั้นหัวหมุดปัก ของหมุดสะพานขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 27เซนติเมตร ได้รับการแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ (โฮโมทสึกัง) ภายในวัด ซึ่งนับว่าเป็นซากการสร้างสะพานที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น 【ไฮกุของบะโชว】<br>สมัยบุนจิปี 5 (1189) วันที่ 30 เมย. โยชิสุเนะได้ถูกยาสุฮิระจู่โจมนั้น ได้ฆ่าตัวตายพร้อมกับภรรยาที่ทากาดาจิ สมัยเกนโระคุปี 2 (1689) วันที่ 13 พค. บะโชวได้เดินทางมายังที่นี่ ได้รวบรวมเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของตระกูลฟูจิวาระแห่งโอชู และเรื่องน่าเศร้าของโยชิสุเนะและลูกน้อง มาแต่งเป็นบทกลอนไฮกุ (หญ้าหน้าร้อน เหล่าทหาร ซากความฝัน) ซึ่งปัจจุบันบทกลอนไฮกุนี้มีอยู่ในบริเวณวัดโมซือจิ 【ซากวัดคะโชจิ】<br>เป็นซากฐานวิหารที่อยู่ทางทิศตะวันออกของวิหารคนโดวัดเอ็นริวจิ ถูกห้อมล้อมด้วยต้นสนญี่ปุ่น มีขนาดพอๆกับวัดเอ็นริวจิ ฐานเสาหินขนาดใหญ่ของวัดนี้ที่ยังคงเหลือไว้อย่างสมบูรณ์ ได้สืบทอดเรื่องราวของวัดคะโชจินี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ วัดคะโชจิมีถูกสร้างให้เหมือนกับวัดคะโชจิใน “บันทึกประวัติศาสตร์อะซึมะคางามิ” ซากวิหารแห่งนี้นอกจากจะมีขนาดพอๆกับวิหารคนโดวัดเอ็นริวจิแล้ว เมื่อมองจากโครงสร้างระเบียงที่ขนาดและรูปร่างที่เหมือนกันแล้ว ทำให้ทราบว่าวิหารนี้ถูกยกอยู่สูงเหมือนกับวิหารคนโดอีกด้วย และนอกจากที่วัดนี้มีตำนานว่าเจ้าประคุณจิกะกุไดชิเป็นผู้สร้างแล้ว ยังบอกได้อีกว่าก่อนที่โมโตะฮิระจะสร้างวัดเอ็นริวจิ ก็ได้มีวัดคะโชจินี้มาก่อนอยู่แล้ว 【ซากหอไตร (โคโด)】<br>กล่าวกันว่าโมโตะฮิระสร้างขึ้น โดยเป็นอาคารที่ได้รับการบันทึกเรื่องราวไว้อยู่ใน“บันทึกประวัติศาสตร์อะซึมะคางามิ” ในวันที่17กันยายน ปีบุมจิที่ 5 ที่เก็บอยู่ภายใต้เจดีย์วัดเมืองฮิระอิซูมิ ในปัจจุบันซากที่ถ่ายทอดเรื่องราวของหอไตร (โคโด)นี้ ตั้งอยู่ทางเหนือของบึงโออิซูมิ และอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซากคนโดวัดเอ็นริวจิ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของซากวัดคะโชจิ มีขนาดจากตะวันออกมายังตะวันตก 83 ชะกุ (หน่วย 1ชะกุมีความยาว 30.3เซนติเมตร) จากเหนือจรดใต้ 80ชะกุ โดยมีฐานเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม เหนือฐานมีฐานเสาหินอยู่นับสิบก้อน และกลางฐานหอค่อนไปทางเหนือนั้นยังมีส่วนพื้นที่ยกสูงขึ้นมาส่วนหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นซากของฐานพระพุทธรูป
ซึ่งหอที่สร้างมาบนพื้นที่ของฐานส่วนนี้ จุดตั้งของเสาค้ำหลังคาส่วนหน้านั้นได้มีจุดเป็นเส้นตรงไปยังส่วนจุดตั้งของเสาค้ำหลังคาตอนเหนือของวิหารคนโดวัดเอ็นริวจิ  ทำให้ทราบว่าทั้งหอไตร และวิหารโคโดนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซื้ง จึงอนุมานได้ว่าเป็นการสร้างที่อิงแบบ และสร้างให้สัมพันธ์กับวิหารคนโด
【ซากหอพระไตรปิฏก (เคียวโร)】<br>หอพระไตรปิฏก เคียวโร เป็นอาคารที่ไว้เก็บรักษาพระไตรปิฏก อยู่ทางปีกตะวันตกของวิหารคนโดไปทางตอนใต้ โดยตั้งประชันหน้ากับหอระฆัง 【วิหารโจเกียวโด】<br>วิหารโจเกียวโดหลังปัจจุบันนั้น ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยอาศัยการร้องขอบารมีเจ้าเมืองเซนได ท่านดาเตะ โยจิมุระให้ช่วยสร้างให้ในปีเคียวโฮที่ 17 (1732) ตัววิหารสร้างขึ้นแบบโฮเกียวทสึกุริ (หลังคาทรงสามเหลี่ยมสี่แผ่น ประกอบกันขึ้นมา)  ใจกลางแท่นบูชาจะมีพระประธานเป็นพระอมิดาเนียวไร สวมมงกุฏ ทั้งสองฝั่งจะมีพระยืนสี่องค์ (ชิโบซะทสึ) และด้านหลังของแท่นจะมีเทพมาตะระจินที่ถูกบูชาเอาไว้ด้านในไม่สามารถเห็นได้ โดยเทพมาตะระจิน จะเป็นเทพที่คอยปกปักรักษาธรรมเนียมพระพุทธ และตัววิหารไว้ โดยในท้องถิ่นนี้จะนับถือเป็นเทพแห่งการเพาะปลูกมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยประตูด้านหลังของแท่นนี้ตามปกติแล้วแล้วจะถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา และจะทำการเปิดดูด้านในหนึ่งครั้งในทุก 33ปีเท่านั้น และที่นี่จะมีเทศกาลจัดการแสดงการร่ายรำประจำวัด “เอเนง โนะ ไม” ทุกวันที่20มกราคมเพื่อเป็นการรักษาธรรมเนียมที่มีมาแต่เก่าก่อน 【หอสมบัติ】<br>มีการจัดแสดงวัตถุต่างๆ ที่ทำให้ทราบเรื่องราวของภูเขาโมซือจิ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปสมัยเฮอัน หนังสือ เอกสาร หัตถกรรม วัตถุโบราณที่ขุดพบ หลักฐานการค้น อุปกรณ์ที่ใช้ในร่ายรำเอนเนน เป็นต้น หอสมบัตินั้นสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถเข็น ให้ได้รับความสะดวกสบาย ก็ได้ติดตั้งลิฟต์ และมีห้องน้ำแบบเอนกประสงค์ ไว้คอยให้บริการ 【ที่เช่าวัตถุมงคลซัมมง】<br>เป็นจุดที่สามารถขอเช่าตราประทับ (โกะชุอิง) ของวัดโมซือจิ โดยนำหนังสือสะสมตราประทับมาที่นี่เพื่อขอเช่าตราประทับ นอกจากนั้นยังมีของที่ระลึกเช่น แผ่นไม้มงคล เครื่องลาง ไปรษณียบัตรวางจำหน่าย 【โชฟุอัง】<br>เป็นร้านค้าเพื่อนั่งพักภายในวัด มีโซบะ ของหวานจำหน่ายที่นี่ เมื่อท่านอยากพัก สามารถแวะมาได้ 【วิหารไคซังโด】<br>เป็นวิหารที่บูชาเจ้าประคุณจิกากุไดชิ เอ็นนิงที่เป็นผู้ก่อตั้งวัดโมซือจิ นอกจากรูปจำลองท่านเจ้าประคุณแล้วยังมีพระพุทธรูปไดนิจิเนียวไร รวมถึงภาพของฟุจิวาระสามรุ่น (คิโยฮิระ, โมโตะฮิระ. ฮิเดะฮิระ)เก็บรักษาไว้อีกด้วย 【เขาจำลอง (ทสึกิยามะ)】<br>เขาจำลองทสึกิยามะตั้งอยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงใต้ของบึงโออิซูมิ และค่อนไปทางตะวันตกของนันไดมง (ประตูใหญ่ทางใต้) โดยมีความสูงขึ้นมาจากระดับน้ำในบึงราว 4 เมตร โดยจากน้ำ ขึ้นไปจนถึงราว ๆ ยอดเขาจะมีหินหลากหลายชนิดใหญ่ เล็กซ้อนกันเป็นทรงภูเขาหิน ให้ความรู้สึกเหมือนมุมมองหน้าผา ตรงแอ่งน้ำลึกๆ เป็นตัวอย่างการจัดสวนคล้ายแบบ “คาเระซังซึย (น้ำและเขา)” ที่เป็นรูปแบบการจัดสวนที่อยู่ใน “ตำราจัดสวนซากุเทกิ” ตำราจัดสวนโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น 【รางน้ำ (ยาริมิซุ)】<br>รางน้ำยาริมิซุที่อยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของบึงนั้น ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดึงน้ำเข้าไปในบึง โดยได้ยึดตามแบบหลักการ “ชิจินโซโอ คิซโซ” ในตำราจัดสวนโบราณ ซากุเทกิ โดยทางน้ำที่ไหลคดเคี้ยวมานั้นจะมีกลุ่มหินคอยลดความเร็วน้ำ กรองน้ำ และแบ่งกระแสน้ำ โดยรางน้ำยาริมิซุของโมซือจิ ถือว่าเป็นซากหนึ่งเดียวในสมัยเฮอันที่ยังหลงเหลืออยู่ และหาดูได้ยากมากในประเทศญี่ปุ่น และทุกปีช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิจะมีการจัดเทศกาล “โกคุซึย โนะ เอ็ง” ที่ใช้รางน้ำแห่งนี้เป็นเวที โดยมีเหล่าต้นไม้ในบริเวณรอบช่วยประกอบให้ได้บรรยากาศสวยงามแบบสมัยเฮอัน 【ซัมมง】<br>เป็นประตูทางเข้าออกของวัดโมซือจิ เป็นที่จำหน่ายบัตรเข้าชม  ซัมมงนี้ แต่เดิมของประตูกลางที่อาศัยของชาวบ้านตระกูลทะมุระหมู่บ้านอิจิโนะเซกิ ได้บริจาคให้วัดเมื่อโชวะปีที่11 【สุฮามะ】<br>สุฮามะเป็นสระน้ำที่ถูกสร้างขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีทั้งเขาจำลองให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน สันดอนทรายและลำธารที่มีการออกแบบให้มีการโค้งเป็นเส้นอย่างงดงาม เมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่น ถือเป็นสระที่ตื้น กว้าง และหินกลมกระจายทั่วสระ น้ำมีไหลสูงๆ ต่ำ ทำให้มองเห็นเป็นภาพที่สงบ และงดงามมาก 【ศาลาหลัก】<br>ศาลาหลักนั้นตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของภูเขาโมซือจิ เป็นอาคารแบบสมัยเฮอัน ที่ถูกสร้างขึ้นต้นสมัยเฮเซ มีพระประธานคือพระยาคุชิเนียะไร ที่ถูกสร้างในสมัยเฮอัน เคียวจิพระประธานนั้น เป็นนิคโค และกัคโคโบซาสึ นอกจากนี้บริเวณรอบๆมีเทพผู้ปกป้องศาลากลางทั้งสี่ทิศประดิษฐานอยู่ด้วย

เพื่อให้แขกผู้มาเยี่ยมชมโมซือจิได้อย่างสะดวกสบาย จึงได้ติดตั้งเครื่องอำนวยต่างๆไว้ให้บริการ
ติดตั้งลิฟต์ (หอสมบัติ)
ห้องน้ำแบบเอนกประสงค์

จุดเยี่ยมชมต่างๆ

  • ซัมมงเป็นทางเข้าออกของโมซือจิ และเป็นจุดจำหน่ายบัตรเข้าชม ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนถึง 3 แบบ เป็นโบราณสถานแบบพิเศษ โบราณสถานสวยงามดึงดูดใจ และมรดกโลก
  • ที่เช่าวัตถุมงคลซัมมงเมื่อผ่านเข้าซัมมงก็จะพบกับจุดที่ไหว้ ซึ่งท่านที่ต้องการเก็บตราสัญญาลักษณ์ ก็เริ่มขอได้ที่จุดนี้ หรือชมบริเวณภายในก่อนแล้วค่อยแวะมาที่จุดนี้ก่อนกลับก็ได้ค่ะ
  • บทกลอนไฮกุ(หญ้าหน้าร้อน เหล่าทหาร ซากความฝัน) อาจจะไม่ได้ติดไว้ที่เด่นมองเห็นได้ง่ายนักแต่ อยู่ระหว่างจากซัมมงไปยังศาลาหลัก มีบทกลอนไฮกุ ฟูกุไฮกุ อิโตะเบะอินาโซะ ติดไว้ 3 บทด้วยกัน ของบะโชว มีแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย
  • ศาลาหลักเป็นศาลาที่เป็นศูนย์กลางของโมซือจิ มีพระประธานเป็นพระยาคุชิเนียะไร มีความเชื่อว่า ขอเรื่องสุขภาพและ ให้โรคภัยไช้เจ็บหายได้ ที่ศาลานี้ยังมีเซียมซีจัดวางไว้อีกด้วย แต่ทางวัดไม่ได้ไหว้แบบพนมมือคู่ ลองไหว้แบบมือเดียวกันเถอะ
  • โชวฟูอันมีทั้งโซบะ และของหวานได้ถูกเตรียมไว้รอ ให้เชิญเข้ามาชมและเลือกซื้อได้ และมีชาเอนเนนที่มีขายเฉพาะที่โมซือจิ ไว้ให้ได้ผ่อนคลายอีกด้วย
    เชิญชมรายละเอียดได้ที่นี่
  • หอสมบัติเป็นที่รวบรวมประวัติและสภาพของโมซือจิตั้งแต่สมัยเฮอันไว้ให้ชม ขอแนะนำให้ลองชมดูซักครั้งให้ได้ทีเดียว